การพยาบาลโดยเน้นครอบครัวเป็นศูนย์กลาง

คุณเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตลูกของคุณ การที่เด็กคลอดก่อนกำหนดหรือคลอดครบกำหนดแต่มีอาการเจ็บป่วย อาจเป็นสิ่งที่พ่อแม่มือใหม่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน

เด็กได้มาสู่สภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยและอยู่ในความดูแลของบุคคลแปลกหน้า คุณผู้เป็นพ่อแม่อาจจะจดจำจังหวะชีวิตประจำวันของลูกคุณในตอนที่เขายังอยู่ในท้องได้ และเด็กเองก็รับรู้เสียงของคุณได้เช่นกัน นั่นคือสิ่งที่เขาคุ้นเคยและรู้สึกได้ถึงความปลอดภัย แต่ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่พวกคุณจะต้องเรียนรู้ที่จะรู้จักซึ่งกันและกันอย่างแท้จริงว่า ลูกของคุณมีบุคลิกภาพอารมณ์และความต้องการของตัวเองอย่างไร ทารกแรกเกิดทุกคนจะสื่อสารกับผู้ที่อยู่รอบข้างด้วยภาษากาย สำหรับเด็กที่คลอดก่อนกำหนดหรือเด็กทารกที่เจ็บป่วย อาจเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กที่จะสื่อสารถึงสิ่งที่ตัวเด็กต้องการหรือชอบ

ที่นี่จะมีเจ้าหน้าที่คอยแนะแนวทางให้คุณ ไปจนกว่าตัวคุณเองจะสามารถช่วยเหลือดูแลตามความจำเป็นของเด็ก แม้ว่าทักษะความรู้ของเราเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการรักษาพยาบาลเด็ก แต่พวกเราทุกคนก็สามารถถูกทดแทนได้พวกเรามาแล้วก็จากไป แต่คุณผู้เป็นพ่อแม่เป็นบุคคลที่จะอยู่ในชีวิตลูกของคุณโดยตลอด

มนุษย์ทุกคนย่อมมีความแตกต่างกัน บางคนอาจจะรับมือสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดและสะเทือนใจได้ไม่ยาก ในขณะที่คนอื่น ๆ รับมือได้ยากมากกับการที่มีลูก ที่จำเป็นต้องรักษาพยาบาลในแผนกทารกแรกเกิด (Neonatalavdelningen) เป็นเรื่องสะเทือนใจและเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน พ่อแม่บางคนต้องการที่จะมีส่วนร่วมในการดูแลลูกเองทันทีที่เป็นไปได้ ในขณะที่พ่อแม่บางส่วนยังรีรอและต้องการเพียงแค่เริ่มยอมรับ และสำรวจว่าเด็กมีหน้าตาอย่างไร มีตรงไหนที่เหมือนกับสมาชิกในครอบครัวหรือไม่ ให้มองดูสัมผัสและดมกลิ่นของเด็ก ใช้มือทั้งสองข้างหรือข้างเดียวกอดเด็กไว้ "นิ่ง ๆ" เด็กทารกแรกเกิดที่คลอดก่อนกำหนดอาจรู้สึกอึดอัดหากถูกลูบไล้ เนื่องจากประสาทสัมผัสของพวกเขายังพัฒนาได้ไม่เต็มที่

พ่อแม่ที่มีส่วนร่วมในการพยาบาลลูก

เราต้องการให้คุณมีส่วนร่วมในการพยาบาลลูกโดยเร็วที่สุดเมื่อคุณรู้สึกพร้อม ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนจะเรียนรู้การปฏิบัติต่าง ๆทั้งหมดทุกคนต้องใช้เวลาตามที่จำเป็น พึงทราบว่าไม่ใช่เพียงการปฏิบัติเท่านั้นที่เป็นสิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญคือการที่ลูกของคุณมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไร สิ่งใดที่เด็กทำได้ด้วยตนเองการสนับสนุน และความช่วยเหลือใดที่เด็กต้องการ เฝ้าดูสัมผัสและติดตามสิ่งที่เด็กแสดงพฤติกรรมออกมา ส่งเสริมเขาด้วยการใช้มือ เครื่องนอน และเสียงของคุณ หากเด็กส่งสัญญาณของความกังวล หรือความเหนื่อยล้าทางกายจากการออกแรงมากเกินไป ให้เด็กได้หยุดพักโดยจัดสภาพแวดล้อมให้เด็กได้รับการฟื้นฟู กรุณาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับพฤติกรรมและความต้องการของลูกคุณ

ใช้ใบบันทึกประจำวันที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่และบันทึกอากัปกิริยาของลูก ด้วยวิธีนี้จะทำให้คุณติดตามพัฒนาการของลูกได้และเด็กเองก็จะมีสมุดบันทึกเกี่ยวกับช่วงเวลาแรกแห่งชีวิตเป็นของตนเอง

ผ้าเน่า/ผ้าอุ่นใจของพ่อแม่

หากคุณยังไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับลูกแบบเนื้อแนบเนื้อมาก่อน ทางที่ดีควรจะเริ่มต้นด้วยการให้เด็กมีผ้าชิ้นเล็ก ๆ นุ่ม ๆ ที่เคยแนบสัมผัสกับผิวเนื้อของคุณ เพื่อเด็กจะได้อยู่ใกล้ ๆ ดมกลิ่นและกำไว้ ซึ่งจะทำให้เด็กจะจดจำกลิ่นของคุณได้ก่อนถึงเวลาที่จะสัมผัสแนบเนื้อกันจริง ๆ หากแม่ต้องเข้ารับการรักษาบำบัดในแผนกอื่น ซึ่งทำให้ไม่สามารถมาที่แผนกเด็กทารกแรกเกิดได้ แม่ของเด็กสามารถนำผ้าเน่า/ผ้าอุ่นใจ (Snuttetrasa) ที่มีกลิ่นของลูกไว้กับตัวเองได้ ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับที่เด็กทารกจะสามารถจดจำกลิ่นของพ่อแม่ได้ ดังนั้นมันจึงเป็นไปได้เช่นเดียวกันที่แม่จะสามารถจดจำกลิ่นของลูกได้ แม้แต่ในกรณีที่แม่ของเด็กไม่ได้เจ็บป่วยก็สามารถแลกเปลี่ยนผ้าเน่า/ผ้าอุ่นใจระหว่างเด็กและพ่อแม่ได้ "ผ้าเน่า/ผ้าอุ่นใจ" ของลูกนั้นจะเต็มไปด้วยกลิ่นจากลูกน้อยของพวกคุณ

ใบบันทึกของพ่อแม่"Jag tycker om/jag tycker inte om/vi föräldrar vill"

เมื่อคุณคิดว่าคุณและลูกของคุณได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันไปสักพักหนึ่งแล้ว คุณควรจะจดบันทึกลงในแบบบันทึกที่ชื่อ "Jag tycker om/jag tycker inte om/vi föräldrar vill (ฉันชอบ/ฉันไม่ชอบ/พวกเราพ่อแม่ต้องการ)" เพราะจะทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับลูกของคุณ และเมื่อคุณคิดว่ามีบางสิ่งบางอย่างได้เปลี่ยนแปลงไป คุณสามารถขอแบบบันทึกแผ่นใหม่ได้ เพื่ออัพเดทข้อมูลความต้องการของคุณและลูก